แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประกันออนไลน์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ประกันออนไลน์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

⚠️ระวัง​ ซื้อประกันออนไลน์​เอง​ เบี้ยถูกแต่ทุนต่ำ❗

🔴ยุคออนไลน์​อะไรก็ง่ายแค่​ คลิก❗
ในวงการประกันรถก็เช่นกันครับสมัยนี้ซื้อง่ายขายคล่อง​ แต่ถ้าขาดความรู้ความเข้าใจ​ เราก็อาจจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ​โดยไม่รู้ตัวได้เช่นกัน​ ด้วยความไม่ทราบในข้อเท็จจริง​ในข้อมูล​ระเบียบด้านประกันภัย​👉 แล้วอะไรบ้างล่ะที่ควรระวัง❓
✳️จากที่ผู้เขียนได้ลองเข้าไปใช้ระบบประกันออนไลน์​ที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมดได้พบความจริงที่ว่า​ การแข่งขันในด้านเบี้ยประกันมีสูงมาก​ แต่ละที่จึงนำเทคนิคให้ค่าเบี้ยถูกลงด้วยหลากหลายวิธี อาทิเช่น​ ค่าเสียหายส่วนแรก​, ระบุผู้ขับขี่​ หรือการจำกัดระยะทาง​ เป็นต้น​ แต่ที่สำคัญที่หลายคนมักมองข้ามและไม่ทราบเลยก็คือทุนประกันรถนั้นเอง​ จึงข้อหยิบประเด็นนี้มาพูดคุยกัน

⚠️ซื้อประกันรถออนไลน์​เอง​ ได้เบี้ยถูกจริง​ แต่ทุนประกันรถต่ำกว่าราคาประเมินรถเราที่แท้จริงเช่นกัน​ ให้ระวัง​ ❗

✳️โดยพื้นฐานแล้วรถทุกคันจะมีทุนประกันรถที่แท้จริงของมันอยู่แล้ว​โดยมีหลักคำนวนดังนี้

 🔴 👉 ออกรถป้ายแดง
     ✅ ทุนประกันเต็ม​ = ราคารถ​ * 80% (หรือ​ 85%)
⚠️ระวังตอนออกรถใหม่ไฟแนนซ์​จะตีทุนประกันรถตามวงเงินปล่อย​สินเชื่อกรณีลูกค้าวางดาว์นสูง ผิดหลักการพิจารณา​ เพราะทุนประกันรถน้อยลงประกันที่แถมให้ก็ประหยัดขึ้นนั้นเอง
 🔴 👉 ในปีที่สอง​ และถัดไป​เรื่อยๆ
     ✅ ทุนประกันเต็ม​ = ทุนประกันเดิมปีก่อน​ -​ 10%
⚠️ ระวังการเสนอเบี้ยที่แข่งขันกันถูกๆเค้าจะใช้​วิธี​ลดทุนประกันลง​โดยถ้าเราไม่ทราบตรงนี้​ เห็นดีเห็นชอบคลิกซื้อออนไลน์​ไปก็ชมบอกต่อว่าถูกและดี​ ด้วยความหลงในข้อเท็จจริง​การเอาประกันภัย
📝 ทุนประกันรถต่ำเกินจริงมีผลอะไรล่ะ❗
หลายคนบอกก็ซื้อผ่านออนไลน์​กับเจ้านี้ตลอดไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยเบี้ยถูกผ่อนได้​ 10​ งวดด้วย😁.. ใช่ครับเพราะทุนประกันรถที่ต่ำไม่ได้มีผลต่อการเคลมเล็กๆน้อยๆ​ แต่จะส่งผลต่อเมื่อรถท่านมีความเสียหายหนักจนต้องคืนทุนประกัน​ นี่แระครับที่เค้าจะมาดูว่าท่านได้ทำทุนประกันใว้ที่เท่าไหร
  👉ยกตัวอย่างเช่น
        รถท่านมีมูลค่าจริง​ ณ​ วันที่รับทำประกัน​ 900,000​ บาท​ แต่ท่านได้คลิกซื้อประกันออนไลน์​เองที่กำหนดทุนให้ท่าน​ 750,000​ บาทโดยท่านดูแต่เบี้ยถูกๆ​ที่ระบบเสนอมาให้ และไม่​ทราบถึงการพิจารณา​ทุนประกัน​จริงนั้น ท่านก็จะหลงในข้อเท็จจริง​ดังกล่าวเห็นว่าเบี้ยถูกมากก็ซื้อไป​ สุดท้ายหากท่านเกิดเหตุไม่คาดฝันรถถูกชนพังยับต้องพิจารณา​คืนทุนประกัน​ ท่านก็จะได้ตามทุนที่ทำใว้คือ​ 750,000​ บาท​ ทั้งๆที่รถท่านควรได้​ 900,000​ บาท​ แบบนี้หากท่านคิดว่ารับได้และเหตุการณ์​แบบนี้คงจะไม่เกิดกับท่านก็วินวินทำได้ครับ.. แต่อย่าบอกต่อในสิ่งที่ท่านหลงผิดในข้อ​เท็จจริง​ที่กล่าวมาให้บุคคล​อื่น... เพราะเหตุการณ์​ไม่คาดฝันมีโอกาสเกิดขึ้นกับทุกคนได้เสมอ.. #ประกันภัยรถยนต์ต้องมีคนดูแล​
🙏สุดท้ายนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดคือประสบการณ์​ตรงที่ได้มาจากข้อร้องเรียนจากลูกค้าและการเข้าใช้บริการเองและตรวจสอบเชิงลึกมิได้มีเจตนาลดคุณค่าการเสนอขายประกันเจ้าใด​ เพียงแต่หวังให้ข้อมูล​อันเท็จจริงแก่ผู้เอาประกันภัย​เท่านั้น​
ขอบคุณ​ครับ
รับคำปรึกษาเพิ่มเติม คลิกเลย

🔴ประกันรถทำไมต้องมีค่า​เสีย​หายส่วนแรก❓

🔴ไขข้อข้องใจ ค่าเสียหายส่วนแรก Excess กับ Deductible ต่างกันอย่างไร หาคำตอบได้ที่บทความนี้เลยครับ!
 
ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Excess
ค่า Excess หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ ภาคบังคับ ซึ่งจะมีระบุไว้ในเงื่อนไข โดยจะมีข้อกำหนดว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้รถจะต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัทประกันภัยเป็นค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท (แม้จะมีประกันชั้น 1 ก็ต้องจ่าย)
🔰โดยขึ้นอยู่กับกรณีดังนี้
✅อุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดจากการชน หรือรถพลิกคว่ำ
✅อุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้

❓ทำไมถึงต้องจ่ายค่า Excess?
เชื่อว่าหลายๆ คนต้องสงสัยว่า ทั้งๆ ที่จ่ายเบี้ยประกันแล้ว ทำไมเราถึงยังต้องจ่ายค่า Excess อยู่ล่ะ
🔴 คำตอบนั้นมีอยู่ 2 ข้อด้วยกัน คือ
เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้เอาประกันแจ้งเคลมทั้งที่ไม่ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง อย่างเช่น อยากทำสีรถใหม่เลยใช้คัตเตอร์กรีดให้เป็นรอยแล้วแจ้งเคลมกับประกัน
เพื่อให้ผู้เอาประกันไม่เกิดความประมาทในการขับรถ ไม่ใช่ว่าจะขับแบบไหนก็ได้เพราะรู้อยู่แล้วว่าประกันจะจ่ายค่าเสียหายให้

❓ทำไมถึงต้องจ่ายค่า Excess?
 
กรณีไหนที่ต้องเสียหรือไม่เสียค่า Excess
เมื่อทราบกันแล้วว่าค่า Excess หมายถึงอะไร แต่ยังไม่เห็นภาพชัดว่ากรณีไหนบ้างที่ต้องเสียหรือไม่เสียค่าใช้จ่าย มาดูรายละเอียดของเรื่องนี้กันเลยดีกว่าครับ

🔴กรณีที่ต้องเสีย ได้แก่ กรณีที่รถของคุณเกิดความเสียหายแต่ ไม่สามารถระบุคู่กรณี​ หรือเหตุจากการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดการเคลมขึ้น​ โดยต้องระวังในการพิจารณา​ของเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาตรวจสอบว่าจะตีความอย่างไร​ และมีเหตุน่าเชื่อถือไหม​ โดยทางที่ดีแนะนำไม่ว่าจะเกิดแผลเล็กแผลน้อยควรแจ้งเคลมสดทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา​ที่จะตามมาภายหลัง​ ❌สิ่งที่ไม่ควรทำคือการแจ้งเคลมทีเดียวรอบคัน​ 
อย่างไรก็ตาม ค่าเสียหายส่วนแรกสำหรับกรณีเหล่านี้จะเรียกเก็บครั้งละ 1,000 บาท ตามจำนวน เหตุการณ์ ไม่ใช่ต่อร่องรอยความเสียหาย ยกตัวอย่างเช่น รถของคุณถูกก้อนหินกระเด็นใส่มีรอยบุบ 3 รอย ก็จ่ายเพียง 1,000 บาท

แต่ถ้าหากรถของคุณมีรอยบุบจากหินกระเด็นใส่ และมีรอยขีดข่วนจากรั้วลวดหนามด้วย จะนับเป็นความเสียหายจาก 2 เหตุการณ์ แปลว่าคุณต้อง 1,000 บาท x 2 เหตุการณ์ เท่ากับ 2,000 บาทนั่นเอง

🔴กรณีที่ไม่ต้องเสีย ได้แก่ กรณีที่รถของคุณเกิดอุบัติเหตุ หรือความเสียหายที่สามารถ ระบุคู่กรณีได้ หรือมีภาพหลักฐานเหคุการณ์ที่ระบุได้ชัดเจน เช่น
รถชนเข้ากับพาหนะอื่นและสามารถแจ้งรายละเอียดของคู่กรณีได้
✅รถชนเข้ากับฟุตปาท กำแพง ป้ายจราจร ต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า
✅รถชนเข้ากับคน หรือสัตว์
✅รถพลิกคว่ำ
อย่างไรก็ตาม ประกันจะไม่คุ้มครองกรณีที่อุบัติเหตุเหล่านี้เกิดจาก เมาแล้วขับ ขับรถแข่งซิ่ง หรือใช้ในกรณีที่คุณทำผิดกฏหมายทุกกรณี เพราะฉะนั้น พยายามขับรถกันอย่างระมัดระวังและเคารพกฏหมายกันด้วย เพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ประกันจะไม่จ่ายให้นะครับ
 
🔴ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible
ค่า Deductible หมายถึง ค่าเสียหายส่วนแรกแบบ ภาคสมัครใจ ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างจากแบบ Excess เพราะเป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่คุณยอมเสียให้กับบริษัทประกันทุกครั้งที่มีการเคลมในอุบัติเหตุ ที่คุณเป็นฝ่ายผิด 
 
โดยในขั้นตอนการทำประกัน จะมีเงื่อนไขให้คุณเลือกที่จะจ่ายค่า Deductible หรือไม่ ซึ่งถ้าคุณยอมจ่ายจะช่วยลดเบี้ยประกันตามจำนวนค่า Deductible ที่คุณระบุไว้

เช่น เบี้ยประกันรายปี 10,000 บาท แต่หากคุณระบุว่า ยินดีจ่ายค่า Deductible ทุกครั้งที่เกิดเหตุแล้วคุณเป็นฝ่ายผิด 2,000 บาท ซึ่งจะไปหักลบกับเบี้ยประกัน ทำให้คุณต้องจ่ายเพียง 8,000 บาทเท่านั้น

แต่ค่า Deductible นี้ไม่ได้มีทุกบริษัท หากคุณสนใจในเงื่อนไขนี้แนะนำให้สอบถามข้อมูลกันให้ดีๆ ก่อนนะครับ

🔰ค่าเสียหายส่วนแรก🔰
 
🔴จ่าย หรือ ไม่จ่าย แบบไหนคุ้มกว่ากัน?
เมื่อทราบกันแล้วว่าค่าเสียหายส่วนแรกแบบ Deductible คืออะไร ก็มาถึงคำถามที่ว่าเลือก จ่าย หรือ ไม่จ่าย แบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน? ซึ่งคำตอบก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณมีเชี่ยวชาญในการขับรถมากแค่ไหน

🔴หากคุณเป็น ผู้ชำนาญในการขับรถ และมั่นใจว่าการขับของคุณปลอดภัย ไม่ไปเฉี่ยวหรือชนเข้ากับอะไรง่ายๆ แน่นอน ก็ควรเลือกที่จะจ่ายค่า Deductible นี้ เพราะจะช่วยให้คุณประหยัดเบี้ยประกันในแต่ละปีไปได้มาก และแม้จะเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิดก็ไมต้องจ่ายอะไรเช่นเดียวกัน

แต่ถ้าหากคุณ ไม่ชำนาญในการขับรถ หรือยังเป็นมือใหม่หัดขับอยู่ และคิดว่ารถของคุณมีโอกาสที่จะชนนู่นชนนี่บ่อยครั้ง เงินติดล้อแนะนำว่าให้คุณเลือกไม่จ่ายค่า Deductible จะดีที่สุด มิฉะนั้นค่าเบี้ยประกันที่ลดลงมา อาจไม่คุ้มกับค่าเสียหายส่วนแรกที่คุณต้องจ่ายไป

🔴หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษา​ประกันภัยที่คอยให้คำแนะนำและหลีกเลี่ยง ค่าเสียหายส่วนแรกเหล่านี้ คุณสามารถปรึกษากับเรา ถูกดีประกันภัย-ประกันรถยนต์ พรบ. มากกว่า 35 บริษัท ประกันอัคคีภัย และอื่นๆ ได้เลยครับ เราเป็นโบรกเกอร์ที่มีประกันภัยรถยนต์ให้คุณเลือกหลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาคุณได้อย่างตรงจุด ติดต่อขอรายละเอียดได้ลิงค์ของเรายินดีให้บริการทุกคนครับ​ 

✳️หรือแอดไลน​์ส่วนตัวปรึกษา​ผมได้โดยตรงที่ 👉 I​ am​AON​:ผมอ้นครับ

ขอใบเสนอราคากับ​ Roojai.com
ช่องทางรับคำปรึกษา คลิกที่นี่